FAQ

เป็นคำถามที่สำคัญ และผู้บริโภคควรทำความเข้าใจเป็นอย่างมาก เป็นคำถามที่สำคัญกว่าประโยชน์ของสาหร่ายพวงองุ่นเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าแหล่งที่มาของสาหร่ายไม่สะอาด เป็นแหล่งที่มีสารพิษเจือปน เช่น สารตะกั่ว สารปรอท สารเคมีอื่น หากสาหร่ายพวงองุ่นเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมเหล่านั้น แน่นอนว่าสาหร่ายยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ตามที่เข้าใจกัน แต่มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า จะมีสารพิษเจือปนในตัวของสาหร่าย และสารพิษต่าง เหล่านั้น เมื่อผู้บริโภค บริโภคเข้าไป ก็ย่อมมีสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายไปพร้อมกับสาหร่ายเช่นกัน

เพราะเราเข้าใจสิ่งนี้เป็นอย่างดี เราจึงเพาะเลี้ยงสาหร่ายแบบออแกนิค 100% โดยไม่มีการใช้สารเคมีใด และแหล่งน้ำที่เลี้ยง ไม่ได้อยู่ในชุมชนหนาแน่น หรือแหล่งท่องเที่ยว ไม่มีอุตสาหกรรมหนัก น้ำที่เราใช้เพาะเลี้ยง และทำความสะอาดสาหร่ายจึงไม่มีสารพิษเจือปน และเพื่อเพิ่มความมั่นใจของเราเอง สาหร่ายจะมีการ ถูกตรวจสอบจากห้อง Lab เพื่อยืนยันว่าสาหร่ายของเราปลอดภัย ไม่มีสารพิษต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง

เพราะเรามองข้อจำกัดของสาหร่ายพวงองุ่นที่มีคุณสมบัติที่เปราะบางอย่างมาก ไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน มีการคายน้ำออกตลอดเวลา จนสาหร่ายสลดเมื่อนำไปวางจำหน่าย หรือจัดส่งไปตามร้านอาหาร สาหร่ายพวงองุ่นสามารถคงสภาพดูสดใส เปร่งปรั่งได้เพียงระยะสั้น อาจจะอยู่ในช่วง 3-7 วันโดยปกติ (บางฟาร์มใช้ฟอร์มาลีนเพื่อยืดอายุ แต่ส่งผลอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างมาก) อีกทั้งสาหร่ายมีฤดูกาลในการเพาะเลี้ยง ช่วงที่เจริญเติบโตได้ดีที่สุดคือช่วง มกราคม จนถึงเดือนพฤษภาคม ดังนั้นสาหร่ายจะมีจำหน่ายเป็นช่วงฤดูกาลเท่านั้น เราจึงพยายามวิจัย จนสามารถผลิตสาหร่ายที่สามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี มีการเก็บรักษาที่ง่ายกว่า ดูแลง่ายกว่า และสามารถจัดส่งได้โดยที่น้ำหนักของสาหร่ายไม่ได้หายไปเลย

ด้วยวิธีนี้จะสามารถทำให้เรามีสาหร่ายส่งออกไปยังประเทศต่าง ได้ง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพของสาหร่าย และนี่จึงเป็นที่มาของจุดประสงค์ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทางเรา และแน่นอนว่า เราต้องผ่านการอนุมัติจากองค์กรอาหารและยาของประเทศ โดยมีเลขที่ อย. ขึ้นทะเบียนกับที่กรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจึงนำสาหร่ายเข้าสู่ตลาด เพราะเราต้องมั่นใจในคุณภาพของสาหร่ายของเราเสียก่อนที่จะนำไปจำหน่ายให้ผู้บริโภค

สาเหตุของการพัฒนาสาหร่ายแบบขวด ท่านสามารถอ่านรายละเอียดคร่าว ๆ ได้จากคำถามข้อที่ 2 และจากปัญหาดังกล่าว เราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง โดยการแปรรูปสาหร่ายพวงองุ่น ด้วยการสร้างคุณสมบัติที่แตกต่างจากสาหร่ายพวงองุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด หากจะเปรียบเทียบภาพให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นก็คงต้องขอยกตัวอย่างการทำ มะม่วงกวน หรือทุเรียนกวนมะม่วงสด หรือทุเรียนสด ไม่มีความเชื่อมต่อในเชิงของราคาขายของมะม่วงกวน และทุเรียนกวน เพราะถูกมองว่าเป็นสินค้าคนล่ะอย่าง คนล่ะชนิดกัน ทำให้สาหร่ายของเราจะไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องของราคาสาหร่ายพวงองุ่นที่ตกต่ำ เพราะการแข่งขันระหว่างเกษตรกรด้วยกันเอง

แน่นอนว่า คุณสมบัติของสาหร่ายพวงองุ่นแบบขวดของเราต้องมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภค และร้านอาหารได้ดีกว่า ถ้ามองสาหร่ายขวดของเราคือการดอง ท่านทั้งหลายย่อมทราบดีว่า ไม่ว่าเราจะดองอะไร สีสันของผลิตภัณฑ์ย่อมต้องเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับรสชาติ เช่นมะม่วงดอง ขิงดอง ผักดอง ต่างมีคุณบัติที่แตกต่างจากของสดโดยสิ้นเชิง ให้รสชาติและสีสันที่ต่างกัน แต่สาหร่ายพวงองุ่นของเรามีเงื่อนไขในการผลิตหลัก ๆ อยู่ 6 ข้อคือ

1. สาหร่ายพวงองุ่นต้องไม่เปลี่ยนสี (เพราะผู้บริโภคคาดหวังสีของสาหร่ายควรจะเป็นสีเขียวธรรมชาติ)

2. สาหร่ายพวงองุ่นต้องไม่เปลี่ยนรสชาติ ต้องมีลักษณะและคุณสมบัติเช่นเดียวกับสาหร่ายสดทุกอย่าง

3. สาหร่ายพวงองุ่นต้องสามารถคงสภาพ (หรือคือสภาพ) ได้ไม่ต่ำกว่า 90% ของสาหร่ายสด ซึ่งเราสามารถทำได้เกิน 100% ของการคืนสภาพสาหร่าย

4. สาหร่ายพวงองุ่นในขวดของเราต้องไม่มีสารเคมีใด ๆ เจือปน แม้กระทั่งสารกันบูด

5. สาหร่ายพวงองุ่นในขวดต้องสามารถเก็บรักษาได้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือนหลังการผลิต ปัจจุบันหลังจาก มีการส่งผลตรวจในห้อง Central Lab พบกว่า สาหร่ายของเราไม่มีเชื้อโรคใด ๆ และปลอดภัยต่อผู้บริโภคได้ถึง 1 ปีเป็นอย่างน้อย

6. สาหร่ายพวงองุ่นปลอดจากเชื้อ clostridium botulinum ซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้ในบรรจุภัณฑ์ที่มีออกซิเจนต่ำ เป็นเชื้อที่อันตรายถึงชีวิต เราต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เกิดภาวะที่จะทำให้เชื้อชนิดนี้อยู่ในสินค้าของเรา

ฟาร์มมีการตั้ง Position ของเราเองอย่างชัดเจนว่า เราคือโรงงานผลิต เราต้องการสร้างเครือข่ายในการจำหน่าย เปิดโอกาสให้ทุกท่านสามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของเรา ไม่ว่าจะอยู่ในจังหวัดใกล้ หรือไกล และเรายังเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่ต้องการจะมีสินค้าในแบรด์ของตัวเอง ด้วยการทำ OEM agreements กับทางฟาร์มได้ และตัวแทนจำหน่ายรวมถึงนักลงทุนที่ต้องการทำ OEM ไม่ต้องมีความกังวลว่า เราจะไปแข่งขันกับท่าน หรือขายราคาถูกกว่า เพราะเราเองต้องการให้ตัวแทนของเรา หรือคนที่ต้องการ มีแบรนด์ของตัวเอง สามารถอยู่ได้ มีกำไรจากการค้าขาย เมื่อท่านอยู่ได้ และมียอดขายสูงขึ้นเรื่อย ทางฟาร์มก็อยู่รอดด้วยเช่นกันจะบอกว่าฟาร์มไม่มีขายปลีกเลยเสียทีเดียวคงไม่ได้ เรามีจำหน่ายสาหร่ายแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนฟาร์ม หรือมาพักกันที่โรงแรมของฟาร์ม สามารถซื้อเป็นของฝากกลับไปได้ เพียงแต่เรายังไม่พร้อมออกไปวางจำหน่ายนอกสถานที่ นอกจากจะมีตัวแทนจำหน่ายนำไปทำการตลาด

เราออกแบบผลิตภัณฑ์ของเราให้ทนกับสภาพอากาศได้ทุกรูปแบบ แต่ถ้าเลือกได้ ทางฟาร์มขอแนะนำให้ผู้บริโภค หรือตัวแทนจำหน่ายเก็บสินค้าไว้ในที่ปลอดจากแสงโดยตรง เพราะแสงสามารถทำให้สาหร่ายสูญเสียครอโลฟิลด์ (สีเขียว) ของสาหร่ายได้ ผู้บริโภคสามารถเก็บสาหร่ายไว้ในตู้เย็น หรือแม้กระทั่งช่อง Freeze ก็ไม่ทำให้สาหร่ายเสื่อมสภาพ หรือไม่ฟื้นคืนสภาพ ในทางกลับกันกับช่วยให้สาหร่ายคงสีของ สาหร่ายพวงองุ่นได้นานขึ้นในกรณีมีการเปิดฝา และบริโภคไปแล้วบางส่วน ทางฟาร์มขอแนะนำให้เก็บขวดที่เปิดแล้วเข้าตู้เย็น และควรบริโภคให้หมดภายในเวลา 1 อาทิตย์ หากต้องการเก็บรักษานานกว่านั้น ขอแนะนำให้ท่านเทสาหร่ายออกจากขวดของเรา และถ่ายเทสาหร่ายพร้อมน้ำในขวดไว้ในภาชนะที่ปลอดจากวัสดุที่เป็นเหล็ก (ขอแนะนำให้ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกและมีฝาปิดมิดชิด) เพื่อป้องกันการเกิดสนิมอันเกิดจากน้ำในขวดทำปฏิกริยากับภาชนะบรรจุ

ความยุ่งยากของขั้นตอนการผลิต ไม่ใช่อยู่แค่การเลี้ยงสาหร่ายให้เจริญเติบโต และสมบูรณ์ก่อนนำมาบรรจุขวด หลังจากเก็บเกี่ยวสาหร่ายที่โตพอสำหรับบริโภคแล้ว เราต้องนำสาหร่ายมาพัก และคัดแยกสาหร่าย ซึ่งสัดส่วนที่สาหร่ายสามารถนำมาจำหน่ายได้ เราสามารถใช้ได้เพียงแค่ 30% สูงสุด อีก 70% จะถูกคัดทิ้งออกไป และเมื่อคัดแยกแล้ว เรายังมีขั้นตอนอีกมากมายหลายขั้นตอนกว่าจะนำมาบรรจุขวด หนึ่งในนั้นคือการกำจัดตัวกุ้งเล็ก ซึ่งมีภาษาทางวิชาการว่าตัว ISOPOD หรือชาวบ้านเรียกว่าตัวเคยนั่นเอง ตัวเคยคือกุ้งที่ถูกนำมาทำเป็นกระปิที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป

ขั้นตอนการกำจัดตัว ISOPOD ที่เกาะตอบซอกซอยของสาหร่ายพวงองุ่น ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในขั้นตอนของการคัดแยก เราจึงนำสาหร่ายที่คัดแยกแล้วไปแช่น้ำเค็มและใช้คาร์บอนไดออกไซด์โดยอัดก๊าซดังกล่าวเข้าไปในน้ำเค็ม และนำสาหร่ายที่คัดแยกแล้วไปแช่ประมาณ 5-10 นาที จะสามารถทำให้ตัว ISOPOD หมดแรง หรือน๊อก และหลุดจากการจับเกาะสาหร่ายพวงองุ่น แต่ด้วยวิธีนี้จะสามารถลดจำนวน ISOPOD ได้เพียง 70-80% ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีตัว ISOPOD หลงเหลืออยู่ แต่ไม่ได้มากเท่ากับสาหร่ายสดที่ไม่มีการจัดการด้วยคาร์บอนไดออกไซด์

ISOPOD เป็นตัวลักษณะเหมือนกุ้งตัวเล็ก จะสามารถมีชีวิตและเจริญเติบโตได้ในภาวะน้ำที่ไม่มีมลพิษ ถ้าจะมองเปรียบเทียบก็เหมือนเราดูผักใน Supermarket ที่ใบทุกใบดูสมบูรณ์ ไม่มีใบแหว่ง ขาด หรือมีหนอนชอนไชเลย แน่นอนว่า มันดูน่าทาน แต่ถ้าเราตั้งข้อสังเกตุให้ดีว่า ทำไมเขาสามารถปลูกได้โดยไม่มีแมลง หรือหนอนมากัดกินใบให้รูปทรงเสียหายเลย นอกจากจะมีการใช้ยาฆ่าแมลง ซึ่งทำให้แมลงไม่สามารถมารับกวนผัก เพราะมียาควบคุมอยู่ แต่ยาเหล่านั้นก็จะตกค้างอยู่ในผักเช่นเดียวกัน และเมื่อเราบริโภคเข้าไปก็ย่อมรับสารเคมี และยาฆ่าศัตรูพืชเข้าไปด้วย ซึ่งไปสะสมในร่างกาย ย่อมส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว

ดังนั้น ตัว ISOPOD ไม่ใช่สัตว์อันตราย และเป็นสิ่งที่สามารถบริโภคได้ และยังเป็นตัวบ่งบอกถึงความเป็นออแกนิคของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ดี ทางฟาร์มได้เพิ่มขั้นตอนการแช่คาร์บอนไดออกไซด์เป็น 2 ครั้ง ก่อนเข้าบรรจุขวด เพื่อลดจำนวน ISOPOD ที่ค้างอยู่ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังคงความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีหลุดออกไปบ้าง และตกค้างในขวดเมื่อตัว ISOPOD ตาย และหมดแรงในการยึดเกี่ยวสาหร่าย สุดท้ายก็จะลงไปอยู่ที่ก้นขวด

คุณเอกชัย วินท์ภัทนน

ผู้จัดการฝ่ายขาย
เบอร์โทร: 081-7638994
E-mail: sale@boonthidafarm.com